โทร : 073-253605-8
บริการคำนวณจำนวนหลังคาและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ เพื่อลดค่าใช้จ่าย
ออกแบบห้องครัวให้ทันสมัย ใช้งานสะดวก
เห็นภาพจริงก่อนลงกระเบื้อง หมดกังวงเรื่องกระเบื้องไม่เข้ากัน
ผสมสีได้ตามใจคุณ มีให้เลือกมากกว่าหมื่นเฉดสี
March 23, 2023
วันนี้ (23 มี.ค.2566) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แถลงเปิดตัวทีมเศรษฐกิจครั้งแรก นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ณ ที่ทำการพรรค ซอยอารีย์ 5 นายพีระพันธ์ แนะนำทีมเศรษฐกิจของพรรค ประกอบด้วย ม.ล.ชโยทิต กฤดากร เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ, นายชวิน อรรถกระวีสุนทร, นายวิท วรรณไกรโรจน์ และ นายวินท์ สุธีรชัย ทีมเศรษฐกิจชุดดังกล่าวล้วนเป็นบุคคลมากด้วยประสบการณ์ในแวดวงเศรษฐกิจในโลกการค้า การลงทุนต่างประเทศ และได้รับการยอมรับว่าเป็นตัวจริงเศรษฐกิจในทุกระดับ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้สวมเสื้อพรรครวมไทยสร้างชาติให้กับทีมเศรษฐกิจทุกคน นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ภารกิจทางด้านเศรษฐกิจไม่ใช่แค่เพียงหาเงินมาใช้แต่ต้องทำหน้าที่ในการบริหารระบบเศรษฐกิจของประเทศ พรรครวมไทยสร้างชาติมีความพร้อมในวันนี้จะได้ประกาศทีมเศรษฐกิจจะมีความรับผิดชอบตามที่เป็นนโยบายของพรรคถือเป็นทีมเศรษฐกิจที่มีประสบการณ์ไม่เพียงแค่การทำงานในภาคธุรกิจหรือภาคอื่น ๆ แต่ทุกคนมีประสบการณ์ในการบริหารซึ่งจะได้มาทำงานร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป ตั้ง ”ไตรรงค์” เป็น ปธ.ที่ปรึกษา ศก.มหภาค นอกจากนี้ ได้มีการเปิดตัวที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ทำหน้าที่คอยดูแลให้คำแนะนำ ด้านนโยบายเศรษฐกิจสำคัญที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของประชาชนทุกด้านนำโดย นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษานโยบายพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจมหภาค นโยบายการคลัง, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ดูแลการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคม ดูแลกลุ่มคนเปราะบางและผู้สูงวัย, นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลนโยบายภาคเกษตร และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ดูแลนโยบายด้านแรงงาน อีกทั้งมี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะที่จะมาดูแลด้านคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนไทย เปิดประวัติ 4 ขุนพลหน้าใหม่ทีมเศรษฐกิจ รทสช. ม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาประวัติศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากมหาวิทยาลัยลอนดอน เคยเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเจพี มอร์แกน (ประเทศไทย) ระหว่างปี 2552-2563 ปัจจุบันยังได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และเป็นผู้แทนการค้าไทย รับผิดชอบการดึงดูดการลงทุนการค้าจากต่างประเทศ นายชวิน อรรถกระวีสุนทร จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จาก London School of Economics เป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์การเงิน ด้านวาณิชธนกิจ และการลงทุนด้านการท่องเที่ยว และโรงแรม ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จระดับแถวหน้าของประเทศไทย นายวิท วรรณไกรโรจน์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 จาก University of Washington ระดับปริญญาโทและกำลังจะจบการศึกษาปริญญาเอกด้านธุรกิจจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความเชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การบริหารและกลุ่มงานวิจัยธุรกิจ โดยก่อนหน้านี้ยังเคยเป็น นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน ประเทศไทยอีกด้วย นายวินท์ สุธีรชัย นักธุรกิจรุ่นใหม่ จบการศึกษา ด้านการจัดการระบบสารสนเทศ( MIS) จาก มหาวิทยาลัยWorcestor Polytech Institue of Technology สหรัฐอเมริกา เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นซีอีโอ บริษัทอินเท็กส์ สตีล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย สำหรับ ภูมิหลัง ประสบการณ์ตรงของทีมเศรษฐกิจ สะท้อนถึงทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติที่เน้นการ ”ทำต่อ” คือ การสร้างรายได้จากต่างประเทศทั้ง การลงทุน การค้า การดึงต่างชาติเข้ามาทำงาน พำนักระยาว เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สานต่อนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ “ทำแล้ว ทำอยู่“ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เขตเศรษฐกิจอีอีซี การออกวีซาระยะยาว 10 ปี แก่คนต่างชาติที่มีศักยภาพสูงให้มาทำงาน พักอาศัยในประเทศไทย การขจัดอุปสรรคในการทำธุรกิจ
วันนี้ (23 มี.ค.2566) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย ทั้งในกรุงเทพฯ และนนทบุรี เพื่อจับกุมนายสมประสงค์ อายุ 29 ปี และนายวัชนันท์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญา ข้อหาร่วมกันทุจริตหลอกลวงโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ, ร่วมกันเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ, ร่วมกันทำให้ระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกรบกวนหรือเสียหาย ซึ่งทั้ง 2 ผู้ต้องหาเป็นขบวนการแฮกเกอร์ เจาะระบบโจรกรรมรหัสรางวัลเงินดิจิทัล การจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้มีตัวแทนจากบริษัททรูมันนี่ จำกัด และบริษัทที่เกี่ยวข้อง เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนว่า มีแฮกระบบขโมยข้อมูลรหัสใต้ฝาเครื่องดื่มยี่ห้อหนึ่งจำนวนกว่า 300,000 ครั้ง ก่อนนำรหัสที่ได้ไปสแกนขึ้นเงินรางวัลผ่าน Truemoney wallet จำนวน 60,000 ครั้ง จนทางบริษัทได้รับความเสียหายจากการสอบสวน เบื้องต้นทั้ง 2 ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพ โดยนายสมประสงค์ ยอมรับว่า เป็นผู้ที่ลงมือแฮกระบบของบริษัทผู้เสียหายเพื่อขโมยเอารหัสใต้ฝาเครื่องดื่มชูกำลังมาใช้สแกนแลกเงินดิจิทัลจริง ซึ่งหลังจากได้รหัสมาแล้วก็จะให้นายวัชนันท์ เพื่อนสนิทเป็นผู้นำไปสแกนแลกเงินรางวัล ก่อนจะนำเงินที่ได้มาแบ่งกัน ส่วนสาเหตุที่ทำไปก็เพื่อต้องการหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเนื่องจากปัจจุบันตกงานไม่มีรายได้
วันนี้ (23 มี.ค.2566) ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยและแพทย์เวร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในหมู่บ้านวังเจริญ ม.7 ต.วังแก้ว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง หลังได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกัน จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตชื่อนายองอาจ อายุ 42 ปี ถูกยิงที่ไหล่ขวา ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายสม อายุ 62 ปี ซึ่งหลังก่อเหตุได้หลบซ่อนตัวในบ้าน ก่อนจะพบว่าใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองเสียชีวิต สอบถามทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายสมได้โทรศัพท์หาญาติ บอกว่า นายองอาจ ผู้เสียชีวิตซึ่งอยู่บ้านใกล้ ๆ กัน ได้จ้างคนเพื่อจะมาทำร้ายตัวเอง ทางญาติจึงได้พยายามพูดคุยให้ใจเย็น จากนั้นก็วางสายไป พอตกดึกเพื่อนบ้านได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จนกระทั่งช่วงเช้ามีผู้พบนายองอาจ ถูกยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้าน ส่วนนายสมก็ได้หนีมาซ่อนตัวอยู่ในบ้าน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบกันที่เกิดเหตุ ต่อมานายสม ผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต เบื้องต้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พร้อมแพทย์นิติเวช ได้ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ก่อนจะมีการสรุปสาเหตุที่ชัดเจนอีกครั้ง
ทางการอินเดียงัดมาตรการเข้มข้นออกมาบังคับใช้ในรัฐปัญจาบ รวมถึงการตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตติดต่อกัน 4 วัน นับตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับประชาชนกว่า 30 ล้านคนทั่วรัฐ และเพิ่งผ่อนคลายคำสั่งนี้ในบางพื้นที่ เนื่องจากไม่ต้องการให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีใช้ช่องทางออนไลน์เผยแพร่ข่าวปลอม ยั่วยุให้เกิดความรุนแรงและทำลายความสงบสุข ขณะที่ตำรวจหลายพันนายระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจค้นและไล่ล่าตัว "อัมริตพาล ซิงห์" ภายในหมู่บ้านที่เมืองอัมริตสาร์ ซึ่งทางการอินเดียเปิดปฏิบัติการนี้มาตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังหาตัวแกนนำชาวซิกข์วัย 30 ปีไม่เจอ ปฏิบัติการดังกล่าวจุดกระแสความไม่พอใจรัฐบาลอินเดียเป็นวงกว้างในหมู่ชาวซิกข์ โดยมีรายงานว่ากลุ่มผู้สนับสนุนหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนประท้วงเรียกร้องอิสรภาพให้กับ "ซิงห์" ขณะที่ตำรวจระบุว่าจับกุมตัวผู้ประท้วงที่พยายามก่อความไม่สงบและละเมิดกฎหมายในปัญจาบไปแล้วมากกว่า 110 คน เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซิงห์กับกลุ่มผู้สนับสนุนพกอาวุธบุกสถานีตำรวจชานเมืองอัมริตสาร์ หลังจากหนึ่งในคนสนิทถูกจับกุมตัวในข้อหาทำร้ายร่างกายและพยายามลักพาตัว ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนายและกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ทางการตัดสินใจประกาศการตอบโต้ แม้เรื่องนี้จะเป็นข่าวดัง แต่ก่อนหน้านี้ "อัมริตพาล ซิงห์" กลายเป็นที่รู้จักนานหลายเดือน หลังจากก้าวขึ้นเป็นผู้นำกลุ่มปกป้องสิทธิชาวซิกข์ แทนที่นักเคลื่อนไหวผู้ก่อตั้งกลุ่มที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อปี 2022 กลุ่มนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านการปฏิรูปภาคเกษตรกรรมและสนับสนุนการเคลื่อนไหวของเกษตรกร ซึ่งการประท้วงใหญ่อันยาวนานทำให้ผู้นำอินเดียต้องยอมพับแผนไปเมื่อเดือน พ.ย.2021 แต่ทางกลุ่มยังเดินหน้ารณรงค์ปกป้องศาสนาซิกข์และวัฒนธรรมปัญจาบ ซึ่งประเด็นอยู่ที่ซิงห์มักออกมาแสดงความเห็นต่อต้านกระแสชาตินิยมฮินดู ที่นายกรัฐมนตรีอินเดียผลักดัน จึงถูกใจบรรดาชาวซิกข์จำนวนไม่น้อยในปัญจาบ ทำให้เขามีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามมากขึ้นเรื่อยๆ "ปัญจาบ" เป็นเพียงรัฐเดียวในอินเดียที่มีประชากรมากกว่า 57% เป็นชาวซิกข์ ทั้งที่เมื่อดูสัดส่วนในอินเดียทั้งประเทศจะพบว่าเกือบ 80% เป็นชาวฮินดู ขณะที่มีชาวซิกข์ไม่ถึง 2% ส่วนต่างนี้ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้คนบางกลุ่มต้องการให้ปัญจาบแยกตัวจากอินเดียและตั้งเป็นดินแดนใหม่ที่มีชื่อว่า "คาลิสถาน" ความเคลื่อนไหวนี้สืบย้อนกลับไปได้ไกลจนถึงช่วงอินเดียเป็นเอกราชจากอังกฤษ แต่ได้รับความสนใจมากขึ้น หลังปากีสถานแยกตัวออกจากอินเดีย ทำให้ปัญจาบต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน จุดนี้ทำให้ชาวซิกข์เริ่มอยากมีอิสระมากขึ้น แต่รัฐบาลกลางกลับพยายามเข้ามาแทรกแซงโดยตลอด จนถึงช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญคือคำสั่งเปิดปฏิบัติการดาวน้ำเงินของ "อินทิรา คานธี" หญิงเหล็กแห่งอินเดีย ที่ภายหลังถูกบอดี้การ์ดชาวซิกข์ลอบสังหาร วิหารทองคำในเมือง "อัมริตสาร์" ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาซิกข์ แต่ถูกทำลายไปส่วนหนึ่งในระหว่างที่กองทัพอินเดียเปิดปฏิบัติการบุกกวาดล้างนักเคลื่อนไหวคาลิสถานที่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายใน เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวซิกข์ทั่วโลก และความรู้สึกนี้ยังคงไม่หายไปจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงกระแสสนับสนุนการแบ่งแยกดินแดนของชาวซิกข์โพ้นทะเล โดยเฉพาะในอังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลียและสหรัฐฯ นักวิเคราะห์ ประเมินว่า การเคลื่อนไหวแบ่งแยกดินแดนในต่างประเทศจะเข้มข้นมากกว่าในอินเดีย เพราะชาวซิกข์ในประเทศย่อมรู้ดีว่าหากเกิดความรุนแรงขึ้น พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่ต้องรับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่ในตอนนี้เริ่มเห็นการประท้วงจัดขึ้นแทบรายวัน ทั้งจากกลุ่มสนับสนุนและต่อต้านการแยกตัว วิเคราะห์โดย ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์